ตำหนัก และกุฏิพระสงฆ์
Residence & Monk Cell
ตำหนัก และกุฏิพระสงฆ์
Residence & Monk Cell
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 248 แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าเป็นวัด ประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ถึงแม้มิได้ทรงสถาปนาก็ตาม แต่เมื่อเสด็จสวรรคตได้มีการประดิษฐานพระบรมราชสรีรังคารของพระองค์บรรจุไว้ใต้บัลลังก์พระพุทธชินสีห์ภายในพระอุโบสถ
ประวัติการสร้างวัดเริ่มจากสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมรุเพื่อฌาปนกิจเจ้าจอมมารดาน้อยซึ่งเป็นพระมารดาของพระองค์เจ้าดาราวดี พระชายา และเจ้าจอมมารดาของพระราชโอรสในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เมื่อเสร็จงานฌาปนกิจแล้วจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอารามขึ้นในบริเวณนั้น ได้กระทำการผูกพัทธสีมาครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2372 เรียกนามขณะนั้นว่า “วัดใหม่” หรือ “วัดบน”
พ.ศ. 2379 วัดใหม่ไม่มีเจ้าอาวาส พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนสมณศักดิ์สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎ (รัชกาลที่ 4) ซึ่งขณะนั้นทรงพระผนวชประทับอยู่ ณ วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) ขึ้นเสมอเจ้าคณะรอง แล้วทรงอาราธนามาครองวัดนี้ และพระราชทาน นามวัดว่า "วัดบวรนิเวศวิหาร” และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักปั้นหยากับท้องพระโรงถวาย ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงครอง วัดบวรนิเวศอยู่นั้น ทรงปรับปรุงวางหลักเกณฑ์ข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย ซึ่งแต่เดิมเรียกพระสงฆ์คณะนี้ว่า “บวรนิเวศาทิคณะ” อันเป็นชื่อ สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร ต่อมาจึงได้ชื่อว่า “คณะธรรมยุติกนิกาย” ซึ่งแปลว่า “คณะสงฆ์ผู้ซึ่งปฏิบัติตามพระธรรมวินัย” จากนั้นมาได้มีพระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติตาม อย่างพระองค์เป็นจำนวนมาก ในไม่ช้าพระสงฆ์ในวัดบวรนิเวศวิหารก็เป็นธรรมยุตทั้งหมด ถือได้ว่าวัดบวรนิเวศวิหารเป็นต้นกำเนิดวัดนิกายธรรมยุตของประเทศสยามในครั้งนั้น
วัดบวรนิเวศวิหารเป็นวัดสำคัญที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีทรงผนวชและประทับจำพรรษา นับตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสืบมาจนถึง รัชกาลที่ 7 ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทั้งยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ด้วย
สิ่งก่อสร้างภายในวัดบวรนิเวศวิหาร สร้างขึ้นหลายยุคหลายสมัยและได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่อง การพบลวดลายประดับโบราณสถานที่เป็นของแท้ดั้งเดิม นั้นค่อนข้างยากยิ่ง สิ่งก่อสร้างที่นิยมตกแต่งลายขนมปังขิงนั้นประกอบด้วยพระตำหนักใหญ่ (พระตำหนักเดิมเรียก) พระตำหนักจันทร์ กุฏิของคณะสูงและคณะรังษี กุฏิที่สำคัญมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมบดบังทัศนียภาพทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ยากแก่การบันทึกภาพและคัดลูกลายเส้น กุฏิบางหลังถูกปรับสภาพหลังการบูรณะ จนเปลี่ยนแปลงไปมาก ลวดลายที่ฉลุขาดความอ่อนช้อย ดูแข็งกระด้าง และจังหวะช่องไฟไม่สัมพันธ์กัน
พระตำหนักใหญ่ พระบาทสมเด็จพระจอมเจ้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในขณะที่ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อทรงลาผนวชแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยากรณ์เสด็จมาประทับจำพรรษาที่พระตำหนักใหญ่พระตำหนักให้เป็น สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรป กล่าวคือ ก่อสร้างเป็นเรือนยาวสูง 2 ชั้นตรงกลางมีระเบียงมุขยื่นออกมา ประดับตกแต่งด้วยไม้ฉลุบริเวณหน้าจั่วและระเบียงระหว่างช่วงเสา ภายในประดับไม้ฉลุเหนือประตูเฉลียงทางเดิน
พระตำหนักจันทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชอุทิศให้สร้างด้วยทรัพย์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร กรมขุนพิจิตรเจษฎจันทร์ ซึ่งได้ทรงอุทิศเงินจำนวน 1,000 ชั่ง ไว้ในการกุศลตามแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงนำทรัพย์นั้นสร้างเป็นที่ประทับของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2449 รูปแบบพระตำหนักจันทร์สร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น แบบยุโรป เชิงชายประดับไม้ฉลุโดยรอบ ค้ำยันตกแต่งใต้หลังคาประดับไม้ฉลุ ผนังอาคารเซาะร่องตามแนวขวางของผนังทั้งชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ผนังด้านนอก ตรงกลางชั้นที่ 2 มีลายปูนปั้นเป็นรูปจุลมงกุฎเปล่งที่มีเหนือหน้าต่างเหนือลาย ปูนปั้นเลียนแบบหินหลักบนยอดโค้ง (Keystone) ช่องแสงเหนือหน้าต่างและประตู ประดับลายไม้ฉลุ เสาเหลี่ยมติดผนัง (เสาหลอก) เจาะร่องตามแนวยาวของเสา พื้นและบันไดปูด้วยหินอ่อน
กุฏิบุณยะรัตเวช ตั้งอยู่ในคณะสูง (คณะลอง) ทางด้านทิศใต้ของวัดบวร นิเวศวิหารติดกับคูน้ำ เป็นกุฏิไม้สูง 2 ชั้น บริเวณหน้าจั่วของมุขด้านหน้าตกแต่ง ด้วยไม้ฉลุแบบลายไทยล้อมรอบชื่อ “กุฏิบุณยะรัตเวช พ.ศ. 2469” โดยนางเทศ บุณยะรัตเวช เป็นผู้บริจาคทรัพย์สร้างถวายเมื่อ พ.ศ. 2469
ตำหนักจันทร์ ตำหนักเพ็ชร และกุฏิบุณยะรัตเวช วัดบวรนิเวศ กรุงเทพมหานคร